ความรุนแรงในครอบครัวและทางเพศ: ปัญหาทับซ้อนที่ต้องแก้ด้วยกฎหมายและทัศนคติใหม่
คุณอังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศในประเทศไทย พร้อมสะท้อนมุมมองว่าปัญหาดังกล่าวไม่ใช่แค่เรื่องภายในบ้าน แต่เป็นเรื่องที่ซ้อนทับกันหลายมิติ ทั้งสังคม กฎหมาย และทัศนคติแบบชายเป็นใหญ่ที่ยังฝังลึกในระบบ
ภาพรวมสถานการณ์: ข่าวสะท้อนความจริง
จากการเก็บข้อมูลข่าวที่นำเสนอผ่านสื่อทั้งหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ ปี 2566 โดยมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล พบรายงานข่าวความรุนแรงในครอบครัวกว่า 1,086 ข่าว โดยประเด็น การทำร้ายกันในครอบครัว เป็นอันดับหนึ่ง 39.9% ส่วนใหญ่เกิดกับสามีภรรยา ตามด้วยพ่อแม่ลูก คู่รักแบบแฟน และเครือญาติ รองลงมาคือ การฆ่ากัน 35.7% ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับคู่สามีภรรยา ตามมาด้วยเครือญาติ คู่รักแบบแฟน พ่อแม่ลูก และฆ่ายกครัว นอกจากนี้ยังพบ การฆ่าตัวตาย 19.6% โดยผู้ชายเป็นเพศที่ทำร้ายตนเองมากที่สุดถึง 65.7% รองลงมาคือเพศหญิง 31.9% และ LGBTQ+ 2.4% ส่วนความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้นในครอบครัว อยู่ในลำดับที่ 4 ของข่าวที่ถูกรายงาน หรือ 4.2% โดยหลายปีที่ผ่านมาจะพบข่าวความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้นในครอบครัว เฉลี่ยปีละประมาณ 4050 ข่าว โดยส่วนใหญ่เป็นการข่มขืน ล่วงละเมิด หรืออนาจาร ซึ่งผู้กระทำมักเป็นเครือญาติ ตามมาด้วยพ่อเลี้ยง พ่อกระทำลูก สามีกระทำภรรยา และลูกกระทำแม่ ตามลำดับ
ในขณะที่รายงานข่าวความรุนแรงทางเพศ ในปี 2566 พบ 194 ข่าว แบ่งเป็น ข่มขืน 44.3% อนาจาร 20.1% การคุกคามทางเพศ (การใช้วาจา เช่น พูดจาแทะโลม/ชวนคุยเรื่องเพศ/ชวนมีเพศสัมพันธ์ รวมถึงการคุกคามผ่านสื่อออนไลน์) 11.4% กรณีชายกระทำต่อชาย 7.2% พยายามข่มขืน 6.2% การบังคับค้าประเวณี 4.6% รุมโทรม 4.1% พรากผู้เยาว์ 2.1% ส่วนความสัมพันธ์ของผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ เกิดจากคนรู้จัก (ครู คนที่อาศัยอยู่ใกล้กัน อดีตแฟน เพื่อนในวงเหล้า) 47.1% ตามมาด้วยคนในครอบครัว 24.3% คนแปลกหน้า 22.8% และคนที่รู้จักกันผ่านโซเชียลมีเดีย 5.8%
ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกกระทำส่วนใหญ่อายุระหว่าง 11-15 ปี 39.8% อายุ 6-10 ปี 20.0% อายุ 16-20 ปี 18.5% อายุน้อยสุดที่ถูกกระทำเป็นเด็กหญิงวัย 3 ขวบ ถูกครูกระทำอนาจาร และกรณีหลานสาวถูกปู่เมาเหล้าข่มขืน ส่วนผู้ถูกกระทำที่มีอายุมากสุด 69 ปี ถูกลูกชายติดยาเสพติด/ติดเหล้าข่มขืน สำหรับปัจจัยกระตุ้น มาจากการใช้ยาเสพติด 33.9% เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 27.0% หึงหวง 10.4% อ้างเกิดอารมณ์ทางเพศ 9.6 %
ปัจจัยกระตุ้น: แอลกอฮอล์และยาเสพติด
จากข้อมูลสะท้อนว่า ปัจจัยกระตุ้นสำคัญของปัญหาความรุนแรง ได้แก่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการใช้ยาเสพติด ซึ่งทำให้สถานการณ์บานปลายรุนแรงขึ้น สัมพันธ์กับการทำร้ายร่างกายหรือแม้แต่การฆ่ากันในครอบครัว โดยข้อมูลสะท้อนว่าปัจจัยกระตุ้นนั้นมีสถิติที่สูงขึ้นในทุกปี สอดคล้องกันทั้งความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศ
เคสสะท้อนความทับซ้อนของปัญหาของความรุนแรงทางเพศและความรุนแรงในครอบครัว
คุณอังคณาเล่าถึงกรณี คุณบี หญิงที่ถูกสามีใหม่ทำร้ายร่างกายและจิตใจอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ลูกสาวของเธอก็ถูกพ่อเลี้ยงล่วงละเมิดทางเพศกว่า 6 ครั้ง แม้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพ แต่คู่กรณียังละเมิดคำสั่งและต้องเข้าสู่กระบวนการคดีอาญา ซึ่งสะท้อนว่าความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศที่เกิดควบคู่กันเป็นปัญหาที่ทับซ้อน
อีกกรณีหนึ่งคือ เด็กหญิงที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยเครือญาติใกล้ชิดหลายคนตั้งแต่อายุ 7 ขวบ จนถึงวัยรุ่นจึงกล้าพูดออกมา กรณีนี้ทำให้เห็นว่าปัญหามีความต่อเนื่องและซ่อนเร้นนานหลายปี
ข้อจำกัดของกฎหมายและการบังคับใช้
แม้มีกฎหมายคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว และล่าสุดมี กฎหมายว่าด้วยการล่วงละเมิดทางเพศ ที่นิยามชัดเจนมากขึ้น แต่ในทางปฏิบัติยังเผชิญอุปสรรค เพราะหลายครั้งเจ้าหน้าที่มองว่าเป็น เรื่องเล็กน้อย หรือเป็น ปัญหาผัวเมีย ส่งผลให้ผู้ถูกกระทำไม่กล้าใช้กฎหมาย เนื่องจากไม่มั่นใจว่าจะได้รับความคุ้มครองจริง
แม้มีกฎหมาย แต่ถ้าคนบังคับใช้ยังยึดติดทัศนคติชายเป็นใหญ่ กฎหมายก็ไม่สามารถทำหน้าที่ได้เต็มที่ คุณอังคณากล่าว
การเปลี่ยนแปลงที่ต้องเกิด
มูลนิธิหญิงชายก้าวไกลมองว่า การแก้ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและทางเพศ จำเป็นต้องทำควบคู่กันหลายด้าน ได้แก่
- ปรับปรุงกฎหมายและการบังคับใช้ ให้เป็นมิตรกับผู้ถูกกระทำ
- เปลี่ยนทัศนคติและวิธีคิดของสังคม ที่ยังมองปัญหาเป็นเรื่องภายในครอบครัว
- เสริมพลัง (empower) ผู้ถูกกระทำ ให้กล้าลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตน
- ทำงานเชิงรุกกับกลุ่มเยาวชนและคนรุ่นใหม่ ที่เริ่มไม่ยอมรับความรุนแรง
ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและทางเพศเป็นปัญหาทับซ้อนที่ไม่อาจแก้ด้วยกฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยการเปลี่ยนทัศนคติในสังคม การบังคับใช้กฎหมายที่จริงจัง และการร่วมมือจากทุกภาคส่วน คุณอังคณาย้ำว่า "กฎหมายต้องเป็นมิตรและทำให้ผู้ถูกกระทำรู้สึกว่าพึ่งพาได้จริง"
-----
บทความจากงานเสวนา กฎหมายจะช่วยยุติความรุนแรงทางเพศและความรุนแรงในครอบครัวได้อย่างไร? วันอังคารที่ 9 กันยายน 2568 เวลา 10:00-12:00 น. ห้องวีนัส โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น