(เผยแพร่บทความเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2565)
เมื่อระบบคิดแบบชายเป็นใหญ่ ถูกปลูกฝังจนกลายเป็นตัวชี้วัดของการดำเนินชีวิต นำไปสู่การใช้ความรุนแรงในครอบครัว และจบลงด้วยชีวิตของอีกฝ่าย นี่คือเรื่องราวของคุณเอ (นามสมมุติ) ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2549 แม้จะผ่านเวลามานานแต่ตราบาปนั้นยังคงติดในใจคุณเอเสมอมา
เล่าถึงการใช้ชีวิตของคุณเอให้เราฟังหน่อยได้ไหม?
“ส่วนตัวผมเป็นคนโผงผาง ชอบพูดจาเสียงดัง ขี้โมโห และด้วยความคิดผิด ๆ ที่สั่งสมมา รักศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ต้องให้คนอื่นเขามองว่าเก่งกล้า เวลากินเหล้าแล้วถ้ามีคนมาพูดจาไม่ดีด้วยก็จะอารมณ์ร้อน พอมีแฟนก็คิดว่าเราต้องเป็นผู้นำ ต้องหาเลี้ยงครอบครัว เป็นเจ้าชีวิตเขา พูดอะไรเราต้องถูกเสมอ แฟนต้องทำตาม มีอำนาจในครอบครัว”
ดื่มเหล้าเป็นประจำ?
“ผมเป็นคนกินดื่มทุกวัน กินเบียร์วันละ 12 ขวด ผมกินเบียร์แทนน้ำมาปีกว่า ผมหาเงินได้ง่าย ตอนนั้นขายซีดีเถื่อนรายได้ต่อวันก็ 3,000 - 4,000 บาท ด้วยความที่เป็นคนหาเงิน ช่วงแรก ๆ ผมก็คิดว่าเขาเข้ามาเพื่อเกาะเรา คิดว่าเขาไม่ได้รักเราจริง เคยทะเลาะกันแล้วก็ไล่เขาออกจากบ้าน ทุกครั้งที่ทะเลาะผมจะใช้คำพูดรุนแรง พูดเสียดสีทิ่มแทงใจเขาตลอด ผมจะพูดดูถูกเขาให้เขาอยู่ใต้อาณัติเรา แต่ไม่ได้ใช้กำลังเลย”
แต่ก็เลยเถิดมาจนถึงขั้นใช้ความรุนแรงด้านร่างกาย?
“ตอนนั้นแฟนผมเข้าใจผิดว่าผมจะไปนัดเจอกับผู้หญิงคนอื่น เพราะผมก็ค่อนข้างเจ้าชู้ เขาตามเรามาถึงวงเหล้า ซึ่งเรากำลังเมากรึ่ม ๆ ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เลยโมโหที่ทำให้เสียหน้า และศักดิ์ศรีมันค้ำคอ เราทะเลาะกัน กลับถึงบ้านก็ยิ่งทะเลาะกันแรงขึ้น จนเลยเถิดไปใหญ่โต ผมกระทืบที่ศีรษะแฟน แฟนสลบนิ่งไป”
“เราไม่คิดว่าเขาจะเป็นอะไรมาก พอได้สติก็เลยไปเรียกเด็กข้างบ้านให้มาช่วยดู ก็คิดว่ารอเขาตื่นแล้วค่อยคุยกัน แต่ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเขาก็ยังไม่ฟื้น ผมเห็นท่าไม่ดีก็เลยไปเรียกข้างบ้านมาช่วยและพาไปโรงพยาบาล”
“ตอนที่พยาบาลเขาบอกผมว่าแฟนผมเสียชีวิต ใจผมหล่นวูบ เหมือนฟ้าผ่าลงกลางอก ผมฆ่าเขาด้วยมือผมเอง นี่คือเรื่องที่ผมเสียใจที่สุดในชีวิต และผมไม่เคยเกลียดตัวเองเท่านี้มาก่อน”
“ผมเสียใจและเกลียดตัวเองมาก เลยให้พยาบาลเรียกตำรวจมาจับ ผมสารภาพและยอมรับผิดทุกอย่างไม่มีการต่อสู้คดีแต่อย่างใด ยอมรับกรรมจากสิ่งที่ตัวเองทำ”
สุดท้ายคุณเอถูกตัดสินโทษ 10 ปี เนื่องจากรับสารภาพศาลลดให้เหลือ 5 ปี และได้อภัยโทษเหลือ 3 ปีกว่า คุณเอบอกกับเราว่าแม้ต้องติดคุกก็ไม่สาสมกับสิ่งที่ทำไว้
“ทุกวันนี้แม้จะได้รับโทษทางกฎหมายแล้ว แต่ตราบาปในใจไม่เคยหายไปไหน มีอยู่ทางเดียวที่จะทำให้มันดีขึ้นก็คือต้องทำอะไรให้สังคม อานิสงส์นี้จะได้ไปถึงแฟนผมที่เขาล่วงลับไป ทุกคนเกลียดผมได้นะครับ แต่อย่าทำแบบผม”