Bad Valentine เมื่อความรักกลายเป็นพิษ กับคุณฝน นันทิยา พุ่มสุวรรณ
อัพเดทล่าสุด: 6 มี.ค. 2025
26 ผู้เข้าชม
จากความรักที่เคยคิดว่าดี แต่กลับสร้างบาดแผลทั้งร่างกายและจิตใจให้กับเธอ คุณฝน นันทิยา พุ่มสุวรรณ อาสาสมัครมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เล่าถึงสิ่งที่เธอต้องพบเจอจากความรุนแรงในครอบครัว ที่แม้เวลาจะผ่านมานานเท่าไหร่ ก็ไม่ทำให้เธอลืมบาดแผลครั้งนั้นได้
แรกรักอะไรก็ดี
"ตอนนั้นทุกอย่างดีไปหมด เจอกันใหม่ ๆ ก็กินข้าวหรือยัง มีซื้อข้าวมาให้ โทรหาเช้า กลางวัน เย็น ทำอะไรอยู่ นอนหรือยัง อย่างว่าแหละความรักครั้งแรก พอเราได้รับอะไรอย่างนี้ เหนื่อยไหม เป็นยังไงบ้าง ก็รู้สึกดีแล้ว อีกอย่างนึง มุมมองของฝนคือตอนฝนป่วย เขาดูแลเราดีมาก เช้าถึง กลางวัน เย็นถึง พาเราไปอาบน้ำอะไรอย่างนี้ค่ะ แน่นอนว่าได้ใจเราไปเต็ม ๆ"
เวลาผ่านไปอะไรที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น
"ผ่านไป 2 ปี เขาเริ่มดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เสพกัญชา ซึ่งตอนแรกไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้เลย พอมาเจออีกทีคือ ทุกอย่างอยู่ในตัวหมดเลย ตอนแรกก็ใช้แค่คำพูดว่า มึงไปไหนมา มึงคุยกับใคร มึงมีชู้ใช่ไหม มึงเป็นนกต่อใช่ไหม ซึ่งเราไม่ได้มีอะไรแบบนั้นเลย เขาคิดเองทุกอย่างเลย แล้วมันก็เป็นประเด็นตรงที่ว่าเวลาเราไปทำงาน กะเช้ายังปกติ ถ้ากะบ่ายปุ๊บเริ่มละ หาว่าเราไปนอนกับชู้ไม่ได้ไปทำงาน พอเราบอกไม่ใช่เขาก็ไม่เชื่อ เขาก็ตบเราเลย จนมันเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น"
ความรุนแรงเริ่มหนักขึ้น
"ฝนทำงาน ค่อนข้างเดินทางลำบาก เลยตัดสินใจว่าไม่ทำงานโรงพยาบาลแล้ว ออกดีกว่า อยากจะมาหางานทำ แล้วก็อยู่ที่บ้าน ให้รู้ไปเลยว่าเราไม่ได้ไปไหน ไม่ได้มีอะไร ก็ไปรู้จักรุ่นพี่ที่นับถือกัน ก็โทรหาเขาเพื่อที่จะขายประกัน พอดีงานพวกนี้มันโทรศัพท์อยู่ที่บ้านได้ แต่วันนั้นเราต้องไปหาเขา ไปคุยรายละเอียด พอเราออกจากบ้านไปเขาก็คิดว่าเรานัดชู้ไว้ แต่เราเนี่ยไม่ได้นัด เราจะไปคุยงาน คุยไปก็ต้องเปิดโทรศัพท์ไว้ตลอดนะ ไม่ว่าคุณจะคุยอะไรกันก็ช่าง เขาต้องฟังอยู่ตลอด คุยงานเสร็จแล้วต้องกลับมาบ้าน พี่เขาก็มาส่งที่บ้าน ซึ่งเป็นพี่ผู้หญิง แต่ว่าแฟนเขาขับรถมาส่ง เผอิญเขาอยากเข้าห้องน้ำ ฝนเลยให้เขาไปเข้าที่ห้อง แฟนฝนก็บอกว่าพี่เรานั่นแหละเป็นสายเอากล้องไปติดในห้องน้ำ ตั้งแต่นั้นมาฝนก็โดนทำร้ายมาตลอดเลยค่ะ มีหนักอยู่ 2 หน หนแรก คือตอนที่ฝนท้องได้ 2 เดือน คืนนั้นเป็นคืนวันที่ 7 มกราคม ตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงตี 5 ของวันที่ 8 มกราคม ฝนโดนทำร้ายมาตลอด โดนมือ โดนเท้า โดนไม้ โดนมีด โดนทุกอย่างค่ะ มีคนอยากช่วยเราแต่ก็ไม่สนิทใจ ก็คือไม่กล้าเข้ามาช่วยเพราะช่วยแล้วตัวเองก็เจ็บด้วย ก็เลยเหมือนกับไม่ยุ่งดีกว่า ซึ่งหลังจากนั้นก็มีพลเมืองดีแจ้งตำรวจให้ในช่วงเช้า"
รักษาตัวในห้องฉุกเฉิน
"หลังจากนั้นเราก็แอดมิดอยู่ไอซียู ตอนนั้นท้องอยู่ด้วย คิดว่าลูกไม่รอดแล้ว แต่ลูกอยู่ค่ะ ผ่านระยะเวลาเกือบปี หลังจากนั้นเราก็ไปอยู่บ้านพ่อ ไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว ถามว่าเลิกไหม ไม่ได้เลิกค่ะ แต่ย้ายไปอยู่บ้านพ่อให้เขาปรับปรุงตัว ใจก็ยังหวังให้เขาดีขึ้น เพราะครอบครัวและเรามีลูก เราก็ต้องนึกถึงลูก อีกอย่างคือผู้หญิงครอบครัวมันต้องไปให้ได้ ต้องไปให้สวย ในเมื่อเราเลือกแล้ว เขาไม่ได้ตามมาทำร้ายแต่ใช้วาจาทำร้ายมากกว่า แรก ๆ ก็ดีเพราะเหมือนกับเราให้ปรับปรุงตัว พอนาน ๆ เข้าพฤติกรรมเก่าก็เริ่มออก โทรมาหึงหวงทางโทรศัพท์ ใช้วาจาเหมือนเดิม ถ้าไม่รับสายก็มีบ้างที่ตามมาถึงบ้าน แต่ทำอะไรเราไม่ได้เพราะมันคือบ้านเรา"
คิดว่าจะเปลี่ยนได้
"หลังจากนั้นเขาขอลาไปบวช ก็มีส่งนมส่งอะไรมาให้ลูก จนมาโดนทหารจับศึก เพราะว่าเสพยาในวัด แล้วก็มีครั้งที่ 2 เกิดขึ้นอีก เพราะว่าฝนจะไปถามเขานั้นแหละว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาบวชมา 3 เดือนแล้วน่าจะปลงได้แล้วแต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ แล้วก็อยากจะขอบคุณที่ยังนึกถึงลูก ซึ่งเป็นช่วงที่เขาไปอยู่ในเรือนจำที่เขาบำบัด แต่ยังไม่ทันได้พูดเลย เพราะเขาโดนปล่อยออกมาวันนั้น เขาเลยจับมือเรานี่แหละขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านไป เราไม่ได้อยากขึ้นนะ แต่เขาดึงเราขึ้นไป จนไปถึงบ้านเขา ตอนแรกก็คุยดี พี่จะไปทำงานนะ เราก็โอเค ทำงานได้ก็ไป ไม่ต้องห่วงลูกหรอกเลี้ยงได้ เราก็พูดอย่างนี้ พักเดียวเองเขาบอกว่า พี่ไปกินข้าวนะ แต่ออกมาพร้อมมีดค่ะ เพราะว่าฝนตัวอ้วนไง เอาง่าย ๆ ว่า คือมีพุง เขาคิดว่าฝนท้อง เขาคิดว่าฝนเป็นสายให้กับตำรวจ คิดว่าท้องก่อนหน้านั้น 2 เดือน คือคิดว่าเป็นลูกของตำรวจ เป็นลูกนกต่อเขาคิดแบบนั้น ด้วยภาวะที่ติดยาเสพติด ดื่มสุราก็ทำให้มีโอกาสหลอนไปเองได้ พยายามเอามีดมาแทง แต่วันนั้นฝนสะพายกระเป๋าสะพายข้าง ก็เอากระเป๋านั้นแหละบัง แต่เขาแทงเข้ามาที่เอว ฝนก็ยังไม่รู้หรอกว่าเข้า เขาก็ไม่เห็นเหมือนกันแหละ เขาเลยคิดว่ามีดอันนี้มันไม่คมเลยเปลี่ยนเป็นมีดอีโต้ค่ะ ปังตอใหญ่ ๆ เลย ตอนแรกมาเฉือนผมก่อน กะให้ฝนเสียโฉมไปไหนไม่ได้อายคนอื่น ฝนก็คิดว่าก็คงแค่ผมมั้ง ทีนี้เขาก็จิกผมอีก อีกแล้วก็ฟันแต่ฝนเอามือรับ มีดเข้าทั้งหัวเข้าทั้งมือ ข้อมือเอ็นขาด ด้วยความที่เจ็บเรามีเลือด แต่ยังพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ ก็เตะผ่าหมากเพราะมีตำรวจเคยสอนไว้ แล้วก็วิ่งออกมาให้คนช่วย บ้านหลังนั้นที่เขาจะช่วยเขาก็กล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะช่วยเพราะเขาอยู่ในซอยเดียวกัน ฝนก็โดนดึงออกมาจากบ้านเขามาอยู่หน้าบ้าน เขาก็พยายามดึงฝนกลับไปบ้านอีก แต่ฝนไม่กลับ ฝนคิดว่าถ้ากลับก็คือตาย ขอนอนกอง ขอนอนตายอยู่ตรงนี้แหละ ป้าเขาเลยวิ่งไปเรียกให้คนมาช่วย นั้นแหละค่ะฝนก็เลยรอด ฝนก็คิดอยู่ตรงนั้นแล้วว่าถ้าฝนออกจากจุดนี้ไปอย่าได้เจอะเจอกันอีกเลยไม่ว่าชาติไหน"
บาดแผลในใจ
"สองครั้งที่หนักที่สุด แต่บาดแผลในใจยังอยู่กับเรามาตลอด มันเป็นบาดแผลที่เกิดทั้งกับร่างกายและสภาพจิตใจ หลังจากจบเหตุการณ์ตรงนั้นแล้ว ก็ยังไม่ได้ดำเนินคดีเพราะเขาหนี แต่ประมาณเกือบปีถึงโดนจับ ฝนทำทุกอย่าง ให้อภัยไปแล้วแต่ว่าเราคิดผิดที่ให้อภัย เราก็เลยจะทำทุกอย่าง ทำยังไงก็ได้ให้เขารับใช้ในสิ่งที่เขาทำ จนฝนมาเจอมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ตอนนั้นเป็นช่วงที่เราไปศาล เรารักษาแผลหายแล้ว ฝนคิดว่าโทรหาตำรวจเยอะเกินไปจนเขารำคาญหรือเปล่า ฝนคิดแบบนี้นะคะ ฝนก็อยากรู้ไงว่าเรื่องของฝนเป็นยังไง ก็เลยไปศาล ศาลก็ให้คำแนะนำและก็ติดต่อมูลนิธินี้ให้ เป็นทนายอาสาค่ะ หลังจากนั้นก็ได้พูดคุยกับทางมูลนิธิมากขึ้น พอเขาโดนจับไปก็อยู่ในเรือนจำ แต่ออกแล้วก็ไม่ได้เจอกัน เราก็ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่"
มีครั้งแรกอย่าให้มีครั้งที่สอง
"ฝนก็ไม่อยากให้ทุกคนทนนะ มันเจ็บครั้งแรกมันต้องมีเจ็บครั้งที่สอง ไม่อยากให้ทุกคนทนกับความเจ็บปวดครั้งนี้ ถ้ามีครั้งแรกคือบอกพ่อบอกแม่หรือบอกเพื่อนที่สนิทก็ได้ คือไม่อยากให้ทน ไม่อยากให้มีอีก"
แรกรักอะไรก็ดี
"ตอนนั้นทุกอย่างดีไปหมด เจอกันใหม่ ๆ ก็กินข้าวหรือยัง มีซื้อข้าวมาให้ โทรหาเช้า กลางวัน เย็น ทำอะไรอยู่ นอนหรือยัง อย่างว่าแหละความรักครั้งแรก พอเราได้รับอะไรอย่างนี้ เหนื่อยไหม เป็นยังไงบ้าง ก็รู้สึกดีแล้ว อีกอย่างนึง มุมมองของฝนคือตอนฝนป่วย เขาดูแลเราดีมาก เช้าถึง กลางวัน เย็นถึง พาเราไปอาบน้ำอะไรอย่างนี้ค่ะ แน่นอนว่าได้ใจเราไปเต็ม ๆ"
เวลาผ่านไปอะไรที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น
"ผ่านไป 2 ปี เขาเริ่มดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เสพกัญชา ซึ่งตอนแรกไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้เลย พอมาเจออีกทีคือ ทุกอย่างอยู่ในตัวหมดเลย ตอนแรกก็ใช้แค่คำพูดว่า มึงไปไหนมา มึงคุยกับใคร มึงมีชู้ใช่ไหม มึงเป็นนกต่อใช่ไหม ซึ่งเราไม่ได้มีอะไรแบบนั้นเลย เขาคิดเองทุกอย่างเลย แล้วมันก็เป็นประเด็นตรงที่ว่าเวลาเราไปทำงาน กะเช้ายังปกติ ถ้ากะบ่ายปุ๊บเริ่มละ หาว่าเราไปนอนกับชู้ไม่ได้ไปทำงาน พอเราบอกไม่ใช่เขาก็ไม่เชื่อ เขาก็ตบเราเลย จนมันเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น"
ความรุนแรงเริ่มหนักขึ้น
"ฝนทำงาน ค่อนข้างเดินทางลำบาก เลยตัดสินใจว่าไม่ทำงานโรงพยาบาลแล้ว ออกดีกว่า อยากจะมาหางานทำ แล้วก็อยู่ที่บ้าน ให้รู้ไปเลยว่าเราไม่ได้ไปไหน ไม่ได้มีอะไร ก็ไปรู้จักรุ่นพี่ที่นับถือกัน ก็โทรหาเขาเพื่อที่จะขายประกัน พอดีงานพวกนี้มันโทรศัพท์อยู่ที่บ้านได้ แต่วันนั้นเราต้องไปหาเขา ไปคุยรายละเอียด พอเราออกจากบ้านไปเขาก็คิดว่าเรานัดชู้ไว้ แต่เราเนี่ยไม่ได้นัด เราจะไปคุยงาน คุยไปก็ต้องเปิดโทรศัพท์ไว้ตลอดนะ ไม่ว่าคุณจะคุยอะไรกันก็ช่าง เขาต้องฟังอยู่ตลอด คุยงานเสร็จแล้วต้องกลับมาบ้าน พี่เขาก็มาส่งที่บ้าน ซึ่งเป็นพี่ผู้หญิง แต่ว่าแฟนเขาขับรถมาส่ง เผอิญเขาอยากเข้าห้องน้ำ ฝนเลยให้เขาไปเข้าที่ห้อง แฟนฝนก็บอกว่าพี่เรานั่นแหละเป็นสายเอากล้องไปติดในห้องน้ำ ตั้งแต่นั้นมาฝนก็โดนทำร้ายมาตลอดเลยค่ะ มีหนักอยู่ 2 หน หนแรก คือตอนที่ฝนท้องได้ 2 เดือน คืนนั้นเป็นคืนวันที่ 7 มกราคม ตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงตี 5 ของวันที่ 8 มกราคม ฝนโดนทำร้ายมาตลอด โดนมือ โดนเท้า โดนไม้ โดนมีด โดนทุกอย่างค่ะ มีคนอยากช่วยเราแต่ก็ไม่สนิทใจ ก็คือไม่กล้าเข้ามาช่วยเพราะช่วยแล้วตัวเองก็เจ็บด้วย ก็เลยเหมือนกับไม่ยุ่งดีกว่า ซึ่งหลังจากนั้นก็มีพลเมืองดีแจ้งตำรวจให้ในช่วงเช้า"
รักษาตัวในห้องฉุกเฉิน
"หลังจากนั้นเราก็แอดมิดอยู่ไอซียู ตอนนั้นท้องอยู่ด้วย คิดว่าลูกไม่รอดแล้ว แต่ลูกอยู่ค่ะ ผ่านระยะเวลาเกือบปี หลังจากนั้นเราก็ไปอยู่บ้านพ่อ ไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว ถามว่าเลิกไหม ไม่ได้เลิกค่ะ แต่ย้ายไปอยู่บ้านพ่อให้เขาปรับปรุงตัว ใจก็ยังหวังให้เขาดีขึ้น เพราะครอบครัวและเรามีลูก เราก็ต้องนึกถึงลูก อีกอย่างคือผู้หญิงครอบครัวมันต้องไปให้ได้ ต้องไปให้สวย ในเมื่อเราเลือกแล้ว เขาไม่ได้ตามมาทำร้ายแต่ใช้วาจาทำร้ายมากกว่า แรก ๆ ก็ดีเพราะเหมือนกับเราให้ปรับปรุงตัว พอนาน ๆ เข้าพฤติกรรมเก่าก็เริ่มออก โทรมาหึงหวงทางโทรศัพท์ ใช้วาจาเหมือนเดิม ถ้าไม่รับสายก็มีบ้างที่ตามมาถึงบ้าน แต่ทำอะไรเราไม่ได้เพราะมันคือบ้านเรา"
คิดว่าจะเปลี่ยนได้
"หลังจากนั้นเขาขอลาไปบวช ก็มีส่งนมส่งอะไรมาให้ลูก จนมาโดนทหารจับศึก เพราะว่าเสพยาในวัด แล้วก็มีครั้งที่ 2 เกิดขึ้นอีก เพราะว่าฝนจะไปถามเขานั้นแหละว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาบวชมา 3 เดือนแล้วน่าจะปลงได้แล้วแต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ แล้วก็อยากจะขอบคุณที่ยังนึกถึงลูก ซึ่งเป็นช่วงที่เขาไปอยู่ในเรือนจำที่เขาบำบัด แต่ยังไม่ทันได้พูดเลย เพราะเขาโดนปล่อยออกมาวันนั้น เขาเลยจับมือเรานี่แหละขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านไป เราไม่ได้อยากขึ้นนะ แต่เขาดึงเราขึ้นไป จนไปถึงบ้านเขา ตอนแรกก็คุยดี พี่จะไปทำงานนะ เราก็โอเค ทำงานได้ก็ไป ไม่ต้องห่วงลูกหรอกเลี้ยงได้ เราก็พูดอย่างนี้ พักเดียวเองเขาบอกว่า พี่ไปกินข้าวนะ แต่ออกมาพร้อมมีดค่ะ เพราะว่าฝนตัวอ้วนไง เอาง่าย ๆ ว่า คือมีพุง เขาคิดว่าฝนท้อง เขาคิดว่าฝนเป็นสายให้กับตำรวจ คิดว่าท้องก่อนหน้านั้น 2 เดือน คือคิดว่าเป็นลูกของตำรวจ เป็นลูกนกต่อเขาคิดแบบนั้น ด้วยภาวะที่ติดยาเสพติด ดื่มสุราก็ทำให้มีโอกาสหลอนไปเองได้ พยายามเอามีดมาแทง แต่วันนั้นฝนสะพายกระเป๋าสะพายข้าง ก็เอากระเป๋านั้นแหละบัง แต่เขาแทงเข้ามาที่เอว ฝนก็ยังไม่รู้หรอกว่าเข้า เขาก็ไม่เห็นเหมือนกันแหละ เขาเลยคิดว่ามีดอันนี้มันไม่คมเลยเปลี่ยนเป็นมีดอีโต้ค่ะ ปังตอใหญ่ ๆ เลย ตอนแรกมาเฉือนผมก่อน กะให้ฝนเสียโฉมไปไหนไม่ได้อายคนอื่น ฝนก็คิดว่าก็คงแค่ผมมั้ง ทีนี้เขาก็จิกผมอีก อีกแล้วก็ฟันแต่ฝนเอามือรับ มีดเข้าทั้งหัวเข้าทั้งมือ ข้อมือเอ็นขาด ด้วยความที่เจ็บเรามีเลือด แต่ยังพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ ก็เตะผ่าหมากเพราะมีตำรวจเคยสอนไว้ แล้วก็วิ่งออกมาให้คนช่วย บ้านหลังนั้นที่เขาจะช่วยเขาก็กล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะช่วยเพราะเขาอยู่ในซอยเดียวกัน ฝนก็โดนดึงออกมาจากบ้านเขามาอยู่หน้าบ้าน เขาก็พยายามดึงฝนกลับไปบ้านอีก แต่ฝนไม่กลับ ฝนคิดว่าถ้ากลับก็คือตาย ขอนอนกอง ขอนอนตายอยู่ตรงนี้แหละ ป้าเขาเลยวิ่งไปเรียกให้คนมาช่วย นั้นแหละค่ะฝนก็เลยรอด ฝนก็คิดอยู่ตรงนั้นแล้วว่าถ้าฝนออกจากจุดนี้ไปอย่าได้เจอะเจอกันอีกเลยไม่ว่าชาติไหน"
บาดแผลในใจ
"สองครั้งที่หนักที่สุด แต่บาดแผลในใจยังอยู่กับเรามาตลอด มันเป็นบาดแผลที่เกิดทั้งกับร่างกายและสภาพจิตใจ หลังจากจบเหตุการณ์ตรงนั้นแล้ว ก็ยังไม่ได้ดำเนินคดีเพราะเขาหนี แต่ประมาณเกือบปีถึงโดนจับ ฝนทำทุกอย่าง ให้อภัยไปแล้วแต่ว่าเราคิดผิดที่ให้อภัย เราก็เลยจะทำทุกอย่าง ทำยังไงก็ได้ให้เขารับใช้ในสิ่งที่เขาทำ จนฝนมาเจอมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ตอนนั้นเป็นช่วงที่เราไปศาล เรารักษาแผลหายแล้ว ฝนคิดว่าโทรหาตำรวจเยอะเกินไปจนเขารำคาญหรือเปล่า ฝนคิดแบบนี้นะคะ ฝนก็อยากรู้ไงว่าเรื่องของฝนเป็นยังไง ก็เลยไปศาล ศาลก็ให้คำแนะนำและก็ติดต่อมูลนิธินี้ให้ เป็นทนายอาสาค่ะ หลังจากนั้นก็ได้พูดคุยกับทางมูลนิธิมากขึ้น พอเขาโดนจับไปก็อยู่ในเรือนจำ แต่ออกแล้วก็ไม่ได้เจอกัน เราก็ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่"
มีครั้งแรกอย่าให้มีครั้งที่สอง
"ฝนก็ไม่อยากให้ทุกคนทนนะ มันเจ็บครั้งแรกมันต้องมีเจ็บครั้งที่สอง ไม่อยากให้ทุกคนทนกับความเจ็บปวดครั้งนี้ ถ้ามีครั้งแรกคือบอกพ่อบอกแม่หรือบอกเพื่อนที่สนิทก็ได้ คือไม่อยากให้ทน ไม่อยากให้มีอีก"
บทความที่เกี่ยวข้อง
8 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันสตรีสากล จากประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีและความเท่าเทียมทางเพศ
10 มี.ค. 2025
นอกจากทัศนคติแบบชายเป็นใหญ่ การใช้อำนาจเหนือแล้ว หลายกรณีของความรุนแรงในครอบครัวก็มาปัจจัยกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การพนัน ยาเสพติด เรื่องราวของความรักที่กลายเป็นพิษของ คุณคุณนุช มณีนุช อินทสันต์ อาสาสมัครมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล
7 มี.ค. 2025
เรื่องราวการต่อสู้กับความรักที่เป็นพิษจนนำไปสู่ความรุนแรงในครอบครัวของคุณยุ้ย สุธิดา ราชรัตนารักษ์ อาสาสมัครมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล
6 มี.ค. 2025