แชร์

พ่อแม่ไม่ใช่เจ้าของชีวิตลูก

อัพเดทล่าสุด: 13 มิ.ย. 2024
2414 ผู้เข้าชม
พ่อแม่ไม่ใช่เจ้าของชีวิตลูก

(เผยแพร่บทความเมื่อ 11 กรกฎาคม 2566)

ช่วงที่ผ่านมามีข่าวความรุนแรงในครอบครัวโดยเฉพาะข่าวเด็กถูกใช้ความรุนแรงถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่การกักขัง ทุบตีทำร้ายร่างกาย จนถึงการฆ่า ล่าสุดพบศพเด็กหญิงวัย 12 ปี ถูกฆ่าอำพรางยัดถังน้ำแข็งโบกปูนทับ ผู้ก่อเหตุเป็นพ่อบุญธรรม ซึ่งข้ออ้างที่มักใช้เสมอคือ บันดาลโทสะ เพราะเด็กดื้อ ชอบขโมยของ เป็นต้น

จากการเก็บข้อมูลข่าวความรุนแรงในครอบครัวจากหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ของมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กรณีพ่อฆ่าลูก ระหว่างปี 2559-2564 มีจำนวน 15-25 ข่าวต่อปี ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

อะไรที่นำไปสู่ปัญหา

"มายาคติด พ่อแม่เป็นเจ้าชีวิตของลูก" มายาคติในครอบครัวที่พ่อแม่มองว่าตัวเองเป็นเจ้าชีวิตของลูก ลูกเป็นสมบัติ การลงโทษจึงเป็นการแสดงถึงความรัก ความหวังดี ถ้าอยากให้ลูกเป็นคนดีก็ต้องตี มายาคติเหล่านี้หล่อหลอมให้เกิดความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ลูกต้องอยู่ในสายตา หากทำอะไรผิดต้องถูกลงโทษรุนแรง เพื่อให้หลาบจำ หรือเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดูเหมาะสม

ขาดความผูกพัน การเรียนรู้ ร่วมทุกข์ร่วมสุข และทักษะการใช้ชีวิตในครอบครัว
หลายครอบครัวขาดความผูกพัน การเรียนรู้ ร่วมทุกข์ร่วมสุข ไม่มีการเตรียมพร้อม ขาดทักษะในการใช้ชีวิตเป็นครอบครัว อย่างกรณีของพ่อเลี้ยงที่ทำร้ายลูก เป็นครอบครัวที่เปราะบาง ไม่สามารถสื่อสารด้วยเหตุและผลได้ เด็กจึงถูกใช้ความรุนแรงตั้งแต่เล็กจนโต

"อยู่ในสภาพสังคมที่มีแต่การใช้อำนาจกดทับ" การอยู่ในสภาพสังคมที่มีแต่การใช้อำนาจกดทับ บ่อยครั้งที่ผู้กระทำ เป็นผู้ที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เมื่อเกิดความโมโห ไม่พอใจ ก็แสดงออกด้วยความรุนแรง หลายกรณีเมื่อสาวไปถึงปมจะพบว่าเคยอยู่ในครอบครัวที่ใช้ความรุนแรงมาก่อน หรือถูกกดขี่ ใช้อำนาจจากการทำงาน แม้กระทั่งการถูกใช้อำนาจจากครูในโรงเรียน ทำให้ผู้กระทำซึมซับความรุนแรง และคิดว่าการใช้ความรุนแรงคือทางออกของปัญหา

"สุรา ยาเสพติด ความเครียด" การดื่มสุรา ใช้ยาเสพติด ที่เป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ ทำให้สมองส่วนควบคุมอารมณ์อ่อนด้อยลง ไม่สามารถใช้เหตุและผลในการตัดสินใจได้ นอกจากนี้ความเครียดที่เกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจ การหารายได้เลี้ยงชีพ หนี้สิน ก็ถือเป็นอีกปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญเช่นกัน

ปัญหาเชิงโครงสร้างกดทับวิกฤตความรุนแรง

ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวจะมองปรากฎการณ์ระดับปัจเจกไม่เพียงพอ เพราะเหล่านี้เกิดจากโครงสร้างทางสังคม ดังนั้นต้องแก้ปัญหาในหลายระดับ ไม่ว่าจะเป็นการหยุดส่งต่อการใช้อำนาจเหนือในทุก ๆ มิติของสังคม การให้มีรัฐสวัสดิการที่เพียงพอเพื่อให้สามารถเลี้ยงดูลูกโดยไม่ลำบาก การสร้างกลไกในการรองรับกับสถานการณ์ที่ผันผวน เช่น กรณีที่แม่ไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้ หรือแม้กระทั่งการรับเลี้ยงดูบุตร การทำให้ประชาชนทราบกฎหมาย ว่าสิ่งใดที่ทำอยู่คือสิ่งที่ผิดกฎหมาย สร้างความรอบรู้ในการเข้าถึงการขอความช่วยเหลือ เมื่อเผชิญกับภาวะความเครียด เป็นต้น

นอกจากนี้ในระดับของการศึกษาก็ต้องสอนให้เด็กเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน มีทักษะในการดำเนินชีวิตและแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในครอบครัว หากครอบครัวมีลูกก็ต้องสร้างกฎเกณฑ์ภายในครอบครัวด้วยเหตุและผล ให้ทุกคนเข้าใจบทบาทหน้าที่ ในขณะที่สังคมก็ต้องไม่มองว่าความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องส่วนตัว และไม่มองข้ามสัญญาณที่นำไปสู่การใช้ความรุนแรงในครอบครัว

บทความที่เกี่ยวข้อง
7 ข้อเสนอ ที่ทุกองค์กรต้องมีเพื่อจัดการปัญหาการคุกคามทางเพศ
7 ข้อเสนอ ที่ทุกองค์กรต้องมีเพื่อจัดการปัญหาการคุกคามทางเพศ เพราะปัญหาการคุกคามทางเพศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แนวทางเอาผิดทางวินัยของแต่ละองค์กรนั้นยังไม่ละเอียดอ่อนเพียงพอที่จะจัดการกับปัญหานี้ได้
20 พ.ย. 2023
ความสัมพันธ์ทางเพศต้องเกิดจากความยินยอม (Consent)  3 คำจำและนำไปใช้ ASK-LISTEN-RESPECT
Consent หรือการยินยอม คือความเสมอภาคระหว่างเพศ เพราะนั่นหมายถึงความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย ทุกครั้งที่มีความสัมพันธ์ทางเพศต้องมีการตกลงกันอย่างชัดเจน
7 พ.ย. 2023
“เพื่อนช่วยเพื่อน” กลุ่มผู้ชายลด ละ เลิกเหล้า ลดความรุนแรงในครอบครัว
กรณีตัวอย่างของการปรับเปลี่ยนผู้ชายที่ใช้ความรุนแรงในครอบครัวที่มีทัศนคติ ค่านิยมแบบชายเป็นใหญ่ โดยอาศัยกระบวนการกลุ่มและการหนุนเสริมที่เข้าใจ และเป็นมิตร ที่เรียกว่า "เพื่อนช่วยเพื่อน" กลุ่มผู้ชายลด ละ เลิกเหล้า ลดความรุนแรงในครอบครัว
28 ก.ย. 2023
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy